พลิกโฉมเกษตรไทย สู่ยุค “สมาร์ทฟาร์ม”
“เกษตรกรรม” เป็นส่วนที่ต้องเจอกับปัญหาและผลกระทบ ตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว ราคาผลผลิต และภัยธรรมชาติ ซึ่งการพัฒนาให้เกษตรกรไทยก้าวสู่ “สมาร์ทฟาร์มเมอร์” จำเป็นต้องได้รับการส่งเสริม นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ผ่านเครือข่ายชุมชน สตาร์ทอัพ แพลตฟอร์ม และโซลูชั่นต่าง ๆ ที่จำเป็น ข้อมูลจาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ได้ยกตัวอย่างนวัตกรรมที่น่าสนใจที่จะช่วยให้เกษตรกรไทยเติบโตทั้งในด้านการผลิต และการขาย สร้างความสามารถในการแข่งขันด้านการเกษตรของประเทศไทยต่อไป
โรงเรือนเพาะปลูกสตรอเบอรี่ขนาดเล็กสำหรับชุมชน การเกษตรทางเลือกช่วงเว้นจากการทำนา
โซลูชั่นสร้างรายได้ในช่วงว่างเว้นจากการทำนาด้วยนวัตกรรมโรงเรือนเพาะปลูกสตรอเบอรี่ขนาดเล็กสำหรับชุมชน ไอเดียจาก บริษัท เอแอนด์จี ออร์แกนิค จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจการผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตร ที่คิดค้นและนำร่องใช้กับเกษตรกรใน จ.พิจิตร ที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพปลูกข้าวเป็นหลัก โดยนวัตกรรมนี้ใช้เทคนิคการคัดชุดตาดอกที่สมบูรณ์เพียง 2 ชุด และกระตุ้นตาดอกก่อนเข้าสู่กระบวนการเพาะปลูกสตรอเบอรี่ภายในโรงเรือนระบบขนาดเล็กที่เหมาะสมกับเกษตรกรรายย่อย ภายในโรงเรือนประกอบด้วยระบบควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และแสงสว่าง เพื่อปรับสภาพให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกที่สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี รวมถึงช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิตสตรอเบอรี่และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ถึง 2 เท่า
Farmbook.co นักวางแผนการเพาะปลูกมือโปรสำหรับเกษตรกร
Farmbook แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับเกษตรกรรายย่อย เป็นเครื่องมือที่ช่วยเหลือทั้งการวางแผนการผลิต การคาดการณ์ผลผลิต ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลกิจกรรมทางการเกษตร ได้แก่ สภาพอากาศ ความอุดมสมบูรณ์ของดิน การจัดการโรคและแมลงศัตรูพืช การนำเทคโนโลยีทางด้านระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ การสำรวจระยะไกล การตรวจสอบคุณภาพดิน และระบบการให้น้ำ นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างสังคมการแบ่งปันอุปกรณ์เครื่องจักรกลทางการเกษตร แรงงาน และวัตถุดิบในกลุ่มเกษตรกรรายย่อย ส่งผลให้สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตและการจัดสรรสัดส่วนพื้นที่การเกษตรได้ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการตลาด การตรวจสอบและติดตามกระบวนการเพาะปลูกของผลผลิตได้ทุกขั้นตอน
GetzTrac เทคโนโลยีจองรถเกี่ยวข้าว หมดปัญหาขาดแคลนเครื่องมือในฤดูเก็บเกี่ยว
แอปพลิเคชั่นสำหรับจ้างรถเกี่ยวข้าวและอุปกรณ์การเกษตรจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยให้ชาวไร่ชาวสวนเข้าถึงอุปกรณ์ทางด้านการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ผู้ให้บริการเครื่องมือการเกษตรได้มีช่องทาง – เครือข่ายในรูปแบบ Machine Matching
สำหรับบริการที่สามารถจองผ่านแอปพลิเคชั่นมี 3 บริการ คือ 1.จองรถเกี่ยวข้าว ซึ่งมีรถเกี่ยวข้าวในระบบ 400 กว่าคันทั่วประเทศ 2.บริการจองโดรนสำหรับฉีดยาวัชพืช ฉีดย่าแมลง หว่านปุ๋ย และ 3.จองรถแทร็กเตอร์ สำหรับเตรียมดินก่อนทำการเกษตร หรืออัดฟางหลังจากเกี่ยวข้าว ทั้งนี้ การจองสามารถจองล่วงหน้าได้ 1 เดือน จองได้เฉพาะในพื้นที่ใกล้เคียง โดยอัตราค่าบริการจะคิดตามขนาดที่นา พันธุ์ข้าวที่จะต้องเกี่ยว ซึ่งหากเป็นข้าวจ้าวจะอยู่ที่ 450 บาทต่อไร่ ข้าวเหนียว 500 บาทต่อไร่ ข้าวหอมมะลิ 600 บาทต่อไร่ ส่วนค่าบริการของโดรนจะอยู่ที่ 120 บาทต่อไร่ รถแทรกเตอร์สำหรับเตรียมดินราคา 500 บาทต่อไร่ การอัดฟางราคา 15 บาทต่อก้อน นอกจากนี้ ในอนาคตเก็ทแทรคยังจะมีการพัฒนาแอปพลิเคชั่นให้สามารถแจ้งเตือนได้ว่าขณะนั้นมีโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อพืชผลอย่างไร เพื่อให้เกษตรกรได้เตรียมความพร้อมและหาทางป้องกันได้อย่างถูกวิธีอีกด้วย
ระบบการให้น้ำใต้ดินผ่านเซรามิกรูพรุนสำหรับการผลิตทุเรียนนอกฤดู มิติใหม่ของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน
การปลูกทุเรียนนอกฤดู เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับเกษตรกร ซึ่งเทคนิคสำคัญในการจัดการทุเรียนนอกฤดูต้องควบคุมระบบการผลิต โดยเฉพาะระบบการให้น้ำ จึงได้ร่วมมือกับนักวิจัยพัฒนาระบบการให้น้ำใต้ดินผ่านเซรามิกรูพรุน (Subsoil Irrigation System, SIS) ขึ้น เป็นเครื่องมือควบคุมปริมาณน้ำ ปุ๋ย แร่ธาตุ และวัคซีน ออกสู่ดินอย่างช้า ๆ และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนใต้ผิวดินตลอดทั้งปี มีการบำบัดน้ำวัตถุดิบก่อนเข้าระบบ จึงแก้ปัญหาโรครากเน่าและเปลือกเน่า เป็นการให้อาหารทางราก จึงใช้ได้กับทุเรียนทุกช่วงอายุ รวมทั้งสามารถประยุกต์ใช้ระบบการให้น้ำในพืชอื่น ๆ ได้อีกด้วย
พรรัตภูมิฟาร์ม ฟาร์มไข่ไก่ IoT
“ฟาร์มไก่ไข่ระบบอัจฉริยะ” ผ่านการควบคุมด้วยเทคโนโลยี IoT มีเซ็นเซอร์วัดระดับความชื้น อุณหภูมิ ความเข้มของแสง และปัจจัยอื่นที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของไก่ อีกทั้งจะมีการรับส่งข้อมูลจากโรงเรือนของผู้เลี้ยงมายังศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลโดยตรงที่มีทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเลี้ยงช่วยเป็นที่ปรึกษา และยังมีทีมเฝ้าติดตามระบบที่จะคอยตรวจสอบเฝ้าระวังสถานะการทำงานของอุปกรณ์ในโรงเรือนตลอด 24 ชั่วโมง
สามารถใช้แอปพลิเคชั่นในมือถือสั่งการควบคุมระดับความชื้น อุณหภูมิและปัจจัยต่างๆ ในโรงเรือนได้ ช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถตัดสินใจในการลงทุนและช่วยป้องกันเหตุที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ไฟไหม้ ไฟดับ อุปกรณ์ภายในโรงเรือนเสีย ถือเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ถูกต้องและแม่นยำที่เกษตรกรมมยุคใหม่ควรมี และระบบนี้ยังสามารถนำไปใช้กับระบบฟาร์มอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน
ข้อมูลจาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)